วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เตรียมสร้าง "asgardia" ประเทศใหม่ บนอวกาศ



          “อิกอร์ อาชูร์เบย์ลี” นักวิทยาศาสตร์และนักธุรกิจชาวรัสเซีย ประกาศสถาปนา “แอสการ์เดีย” ประเทศใหม่ในห้วงอวกาศขึ้นเป็นครั้งแรก และเริ่มรับสมัครบุคคลเป็นพลเมืองของ “ชาติอวกาศ” ชาติแรกในประวัติศาสตร์แห่งนี้แล้วด้วย มีผู้ยื่นใบสมัครแล้วเกือบแสนคน
        “แอสการ์เดีย” ตั้งชื่อตาม “แอสการ์ด” ตำหนักของเทพเจ้าในเทพปกรณัมนอร์ส เทพนิยายในภาคพื้นยุโรปตอนเหนือ เตรียมส่งดาวเทียมดวงแรกของประเทศขึ้นสู่วงโคจรในปี 2017 และมีแผนจะจัดสร้างสถานีอวกาศขึ้นโคจรอยู่ในวงโคจรในอวกาศสำหรับเป็นที่ตั้งของประเทศ และใช้เป็นสถานที่อยู่อาศัยและทำงานของประชาชนของประเทศ แกนนำผู้ก่อตั้งชาติอวกาศแห่งนี้ประเมินว่าประชากรของประเทศจะมีราว 150 ล้านคน โดยส่วนใหญ่จะมีถิ่นพำนักอยู่บนโลก
          อาชูร์เบย์ลี ผู้นำและผู้ร่วมก่อตั้ง ระบุว่า แอสการ์เดียจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เน้นให้ความสำคัญต่อการให้เสรีภาพส่วนบุคคลในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศต่างๆ ทั้งนี้ ผู้ที่คิดว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมสามารถยื่นใบสมัครขอรับการคัดเลือกเป็นพลเมือง 100,000 คนแรกของแอสการ์เดียได้แล้วผ่านทางเว็บไซต์ของประเทศ “asgardia.space” โดยมีผู้สมัครแล้วเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ นับจนถึงวันที่ 14 ตุลาคม ยอดใบสมัครผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวมีมากกว่า 84,000 คนแล้ว


          อาชูร์เบย์ลีกล่าวถึงหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกประชากรของแอสการ์เดียว่า ในตอนแรกจะให้สิทธิผู้ที่สามารถพัฒนาหรือลงทุนทางด้านเทคโนโลยีในห้วงอวกาศก่อน แต่จะไม่มีข้อจำกัดในด้านอื่นๆ เนื่องจากแอสการ์เดียในความคิดของผู้ก่อตั้งทั้งหลายนั้นคือภาพสะท้อนของโลกที่ไปอยู่ในห้วงอวกาศ เพียงแต่จะไม่มีเส้นเขตแดน ไม่มีพรมแดน ไม่มีข้อจำกัดทางด้านศาสนาหนึ่งศาสนาใด ไม่มีข้อจำกัดว่าต้องเป็นรัฐหนึ่งรัฐใด ที่ถือเป็นข้อจำกัดในการเป็นพลเมืองของโลก ด้วยเหตุนี้ทางแอสการ์เดียจึงต้องการที่จะพูดคุยโดยตรงกับประชาชน หรือบริษัทเอกชน มากกว่าหารือกับรัฐหนึ่งรัฐใด และต้องการประชากรที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีผลิตภาพและความก้าวหน้าสูงเป็นลำดับแรก
          เนื่องจากแอสการ์เดียยังไม่ได้เป็นประเทศอย่างเป็นทางการ ยังไม่ได้รับการรับรองสถานะความเป็นรัฐจากสหประชาชาติ ดังนั้น พลเมืองที่สมัครเข้ามายังคงจำเป็นต้องถือสัญชาติของอีกประเทศหนึ่งในโลกอยู่ด้วย จึงเหมาะต่อผู้ที่ประเทศที่ตนถือสัญชาติแต่เดิมอนุญาตให้บุคคลถือหลายสัญชาติได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย จนกว่าแอสการ์เดียจะยื่นขอรับการรับรองและได้รับการรับรองสถานะความเป็นชาติรัฐอย่างเป็นทางการจากสหประชาชาติต่อไป ซึ่งทางทีมงานโครงการแอสการ์เดียคิดว่าแอสการ์เดียจำเป็นต้องมีประชากรอย่างน้อยเป็นเรือนแสนก่อนที่จะยื่นขอรับรองอย่างเป็นทางการจากสหประชาชาติได้ แม้ว่าในเวลานี้จะมีชาติสมาชิกสหประชาชาติอย่างน้อย 14 ประเทศที่มีพลเมืองน้อยกว่า 100,000 คนก็ตาม
ทีมงานโครงการแอสการ์เดียย้ำว่า ชาติอวกาศแห่งแรกในประวัติศาสตร์นี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อ “รับใช้มนุษยชาติ” และ “สร้างสรรค์สันติภาพ” ขึ้นในห้วงอวกาศนั่นเอง
ที่มา http://www.matichon.co.th/news/334877

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รถไม่มีล้อ จาก Volkswagen

รถไร้ล้อ

            ในขณะที่ Google กำลังพยายามพารถยนต์ไร้คนขับไปสาธิตตามหัวเมืองต่างๆ โฟล์กสวาเกน (Volkswagen) ในจีนเผยโปรเจ็กต์สุดล้ำด้วย HoverCar นตกรรม รถยนต์ไร้ล้อที่ขับเคลื่อนด้วยการลอยตัวเหนือพื้นดิน ซึ่งหากคุณูผู้อ่านเว็บไซต์ARIP ยังจดจำภาพยนตร์ Sci-fi ในอดีตที่เราเคยมองว่าโม้สุดๆ แต่…บางทีเราอาจจะได้เห็นของจริงในอนาคตอันใกล้นี้ก็ได้
          โฟล์กสวาเกน(Volkswagen) ได้นำเสนอไอเดียสุดล้ำของยนตกรรมภายใต้โครงการ People’s Car Project ในประเทศจีน โดยเป็นแนวคิดที่แม้ชมแล้วจะอดทำให้นึกถึงภาพทีเคยเห็นในภาพยนตร์ไซไฟยอดนิยมอย่าง Back to the future ซึ่งในโครงการนี้ทางโฟล์กสวาเกน(Volkswagen) ได้ออกแบบรถยนต์ 3 รุ่น (จากผู้เข้าร่วมส่งผลงานประมาณ 119,000 ราย) พร้อมทั้งทำคอนเซปต์ออกมาในรูปแบบวิดีโอ ทั้งนี้รถยนต์ในความคิดฝันของโฟล์กสวาเกน(Volkswagen)จะตอบโจทย์เรื่องของการรักษ์โลกด้วยยนตรกรรมลอยตัว และไร้มลพิษ

         
(Hover Car) สามารถยกตัวลอยขึ้นจากพื้น และเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่วไร้มลพิษทั้งทางเสียง และอากาศ ซึ่งการที่จะทำเช่นนี้ได้ทีมออกแบบกล่าวว่า ถนนที่ใช้วิ่งจะต้องมีการปล่อยสนามแม่เหล็กออกมา นอกจากรถลอยตัวไร้มลพิษจะดีต่อธรรมชาติแล้ว ยังไม่มีปัญหาเรื่องยางแบนด้วย แถมยังขับง่าย นุ่มนวล ไร้การกระแทกเนื่องจากถนนขรุขะ หรือ ลื่นไถลเนื่องจากน้ำเจิ่งนอง บังคับด้วยจอยสติ๊ก (เหมือนในเกมส์เลย) แต่ถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้วเอาไอเดียรถยนต์ไร้คนขับของ Google มาเพิ่มเข้าไปคงไฮโซฯ มากนะเนี่ย


       
          แต่ตอนนี้เอาเป็นว่าไปดูไอเดียฝันนๆ ของโฟล์กสวาเกน (Volkswagen) ผ่านคลิปข้างล่างนี้ดีกว่า ทั้งนี้มีการทำคลิปวีดิโออัพโหลดลงเว็บไซต์ยูทูป แสดงการเคลื่อนที่ของรถโฮเวอร์คาร์ ซึ่งประกอบด้วยห้องผู้โดยสาร 2 ที่นั่ง สามารถบังคับยานให้หมุนได้รอบทิศทางไม่ว่าจะเดินทางไปทางไหนสามารถเลี้ยวได้อย่างคล่องแคล่วซึ่งแม้ว่ามันอาจดูโคลงเคลง แต่จะมีการออกแบบระบบความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารด้วยการทำเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง ที่จะลดความเร็วให้โดยอัตโนมัติ โครงการดังกล่าวเกิดจ่ากความคิดสร้างสรรค์ของชาวจีน ที่เปิดตัวไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมาโดย ไซมอน โลสบี หัวหน้าทีมออกแบบของโฟล์กสวาเกน(Volkswagen) Group ของจีน กล่าวว่าแนวโน้มรถในอนาคตจะเป็นรถที่เสริมสมรรถนะด้านความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร และจะตอบโจทย์ว่าทำอย่างไรให้การเดินทางหลีกเลี่ยงการจราจรที่แออัด

          ในปัจจุบัน (Hover Car) สามารถเคลื่อนไหวลอยจากพื้นดินไปมาได้ ตามใจปรารถนา ควบคุมทิศทางจากจอยสติ๊ก ซึ่งการลอยตัวของรถคันนี้จะอาศัย โดยหลักการปล่อยสนามแม่เหล็กออกมาคุณสามารถเข้าไปชมคลิปตัวอย่างการเคลื่อนที่ของรถลอยได้จากเว็บไซต์ยูทูปในชื่อวิดีโอ “Volkswagen’s The People’s Car Project: Hover Car PART 1” ซึ่งหลังจากได้ชมคลิปนี้แล้ว หลายคนต่างรอคอยให้ โฟล์กสวาเกน (Volkswagen) ผลิตรถรุ่นนี้ออกมาขายไนประเทศไทยบ้าง
Volkswagen Hover Car ได้รับการพรีเซ้นต์ในงาน 2012 Beijing Auto Show ที่เพิ่งผ่านพ้นไปช่วงปลายเดือน เมษายน 2555 นี้เอง
(คลิปนี้มีคำบรรยายในวีดีโอ)







ระบบโซล่าเซลล์แบบพอเพียง

ดูรายละเอียดคลิก


ที่มา : ARIP พันทิพย์ สนุก M-Thai

ทำไม Google และ Apple ต่างเดินหน้าเข้าธุรกิจโซล่าเซลล์


โซล่าเซลล์



       
          บีบีซีรายงานข่าวคราวในแวดวงไอทีช่วงนี้ทั้งบริษัทแอปเปิ้ล และกูเกิ้ล สองยักษ์ใหญ่ผู้พัฒนาเทคโนโลยีจากประเทศสหรัฐอเมริกา หันไปให้ความสนใจเทคโนโลยีพลังงานจากแสงอาทิตย์อย่างมาก
          คนทั่วไปอาจคิดว่า แอปเปิ้ล เป็นเพียงแค่ยักษ์ใหญ่ทางด้านธุรกิจคอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟน เช่นเดียวกันกันกับกูเกิ้ลที่เป็นผู้นำในแวดวงคอมพิวเตอร์และเสิร์ชเอ็นจิ้น

(FILES) This file photo taken on September 17, 2012 shows the Apple logo on the Apple store on 5th Avenue in New York. Wall Street stocks jumped early October 10, 2016 with Apple gaining on news of more trouble with rival smartphone-maker Samsung and petroleum-linked shares advancing on higher oil prices. Apple rose 1.6 percent as Samsung Electronics acknowledged it was adjusting production of the Galaxy Note 7 smartphone due to reports that replacement units for devices with exploding lithium-ion batteries are also catching fire. / AFP PHOTO / DON EMMERT
AFP PHOTO / DON EMMERT

          ความจริงนี้เปลี่ยนไปแล้วเพราะเมื่อปี 2558 แอปเปิ้ล เพิ่งได้รับใบอนุญาตจากรัฐแคลิฟอร์เนียให้ขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของแอปเปิ้ลที่หันมาลงทุนด้านเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากต้องการให้ไฟฟ้าที่หล่อเลี้ยงธุรกิจของทางค่ายมาจากเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ อะเมซอน เว็บไซต์ซื้อขายสินค้าออนไลน์ชื่อดัง ที่เพิ่งประกาศสร้างกังหันผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม กำลังผลิต 253 เมกะวัตต์ ทางภาคตะวันตกของรัฐเท็กซัส
applesolar
          ขณะที่กูเกิ้ล ก็ไม่น้อยหน้า เพราะอยู่ระหว่างความร่วมมือลงทุนกับ อีวานปาห์ โซลาร์ อิเล็กทริก เจเนอเรติง ซิสเต็ม (SEGS) และ ซันพาวเวอร์ เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ คำถามที่น่าสนใจ คือ ทำไมบรรดายักษ์ใหญ่ผู้พัฒนาเทคโนโลยีของโลกถึงสนใจพลังงานทางเลือกกันนัก
1120
          แอช ชาร์มา นักวิเคราะห์จากสถาบัน ไอเอชเอส เทคโนโลยี กล่าวว่า บริษัทเหล่านี้มีต้นทุนทางด้านพลังงานสูงมาก เนื่องจากมีองคาพยพจำนวนมากที่ต้องใช้ไฟฟ้าหล่อเลี้ยงตลอดเวลา พูดง่ายๆ คือ ค่าไฟแพงว่างั้นเถอะ ดังนั้นการจำกัดต้นทุนทางด้านพลังงานและรักษาต้นทุนด้านนี้ไว้ให้คงที่ถือเป็นสิ่งที่สำคัญต่อกำไรของบริษัท

          ชาร์มา ระบุว่า พลังงานไฟฟ้าที่นำไปหล่อเลี้ยงธุรกิจของบริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่หมดไปกับบรรดาเครื่องเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์และยังต้องหล่อเย็นไว้ตลอดเวลาทุกวัน การลงทุนด้านนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ
          ขณะที่กูเกิ้ลนั้นน่าจะประโยชน์อื่นแฝงอยู่อีก นั่นคือ การสำรวจและศึกษาข้อมูลต่อพลังงานจากแสงอาทิตย์ว่าที่สุดแล้วมีประสิทธิภาพเพียงใดหากจะนำมาใช้แทนพลังงานเก่า นำไปสู่แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเครือข่ายพลังงานแสงอาทิตย์ในอนาคต
google_campus_mountain_view_ca
          ข้อมูลบ่งชี้ว่าราคาค่าไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์นั้นมีแนวโน้มลดต่ำลงอย่างรวดเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ยกตัวอย่างเช่นการแข่งขันประมูลกันเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างเอกชนของจีนกับญี่ปุ่นในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่รัฐอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันกันด้านราคาจนต้นทุนค่าไฟเหลือเพียง 2.5 เซนต์ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง หรือไม่เกิน 88 สตางค์ต่อหน่วย (ไม่คิดอัตราก้าวหน้า) ถือว่าถูกกว่าค่าไฟในสหรัฐปัจจุบัน
china-solar-power
          ชาร์มากล่าวว่า สาเหตุที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการผลิตแผ่นเก็บพลังงานสุริยะ หรือโซลาร์เซลล์ โดยเฉพาะหลังจากจีนที่เข้ามามีบทบาทในภาคการผลิตอย่างมหาศาล
          ปัจจุบัน จีนเป็นผู้ผลิตแผ่น โซล่าเซลล์ ร้อยละ 80 ของทั้งโลก ส่งผลให้ต้นทุนโดยรวมในการก่อสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ลดต่ำลง ทำให้เริ่มเห็นโรงไฟฟ้าประเภทนี้เพิ่มจำนวนขึ้น และมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย เทียบให้เห็นภาพ เช่น เมื่อหลายปีก่อนโครงการโรงไฟฟ้าประเภทนี้เพียง 50 เมกะวัตต์ก้ถือว่าใช้งบประมาณมหาศาลแล้ว

          ทว่า ด้วยเหตุผลข้างต้นนี้เองทำให้โครงการปัจจุบันนั้นมีขนาดกำลังผลิตหลายร้อยเมกะวัตต์ รวมไปถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังผลิต 750 เมกะวัตต์ ที่รัฐมัธยประเทศ ประเทศอินเดีย ชื่อ เรวา อัลตร้า เมกา โซลาร์ มีกำหนดเสร็จสิ้นในปี 2560

 AFP PHOTO
AFP PHOTO

          ยังไม่หมดเท่านี้ ภาคการวิจัยต่อเทคโนโลยีประเภทนี้ก็กำลังรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เช่น การใช้วัสดุใหม่ในในโซลารเซลล์ที่มีคุณสมบัติเดียวกันกับเพอร์โรฟสไกป์ หรือ แคลเซียมไทเทเนียมออกไซด์ (calcium titanium oxide) ทางเลือกที่ไม่แพงสำหรับการเลือกใช้แทนที่ซิลิกอน หากสำเร็จก็จะยิ่งทำให้โซล่าเซลล์มีราคาถูกลงไปอีก
          ไอเอชเอส ระบุว่า พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากแสงอาทิตย์จะคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 ทั่วโลก แต่ภายในปี 2560 นี้ คาดว่า ต้นทุนการผลิตจะมีราคาต่ำลงไปอีกร้อยละ 30 เหตุผลที่บรรดายักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีเหล่านี้สนใจเทคโฯนโลยีชนิดนี้นั้นง่ายมาก คำตอบก็คือ เพราะพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทางเลือกแห่งอนาคตนั่นเอง


ที่มา https://www.khaosod.co.th/sci-tech/news_55704